ท่าปอมคลองสองน้ำ



ท่าปอมคลองสองน้ำ



ท่าปอม คลองสองน้ำ  ตั้งอยู่ที่ ต.เขาคราม อ. เมือง อยุ่ในความดูแลของ อบต.เขาคราม
 เป็นแหล่งศึกษาเชิงนิเวศวิทยาเพื่อเรียนรู้ความสมบูรณ์ของธรรมชาติทั้งในแง่ของทางน้ำใต้ดินและพืชพรรณที่สามารถเติบโตได้ทั้งในน้ำและบนดินคลองสองสายน้ำมีลักษณะพิเศษของระบบนิเวศที่ในช่วงขึ้น 12 ค่ำไปจนถึง แรม 5 ค่ำที่น้ำทะเลหนุนขึ้นสูงซึ่งชาวบ้านในพื้นที่เรียกกันว่า"น้ำใหญ่"นั้นน้ำทะเลจะหนุนสูงลึกเข้ามาในคลองท่าปอมถึงศาลาเล่นน้ำและผสมกับน้ำจืดในคลองท่าปอมกลายเป็นคลองน้ำกร่อยที่มีสีฟ้าค่อนข้างขุ่นแต่ว่าก็เป็นช่วงเวลาไม่นานหลังจากนั้นน้ำทะเลก็จะลงและถูกแทนที่ด้วยน้ำจืดใสแจ๋วมองเห็นเป็นสีเขียวซึ่งเกิดจากการที่ลำธารมีต้นกำเนิดจากเขาหินปูนที่มีี้สารแคลเซียมคาร์บอเนตที่มีคุณสมบัติในการจับตะกอนและสารแขวนลอยให้จมตัวเมื่อสายน้ำไหลผ่านหินปูนเจ้าสารตัวนี้จะละลายปนมาพร้อมกับจับสารแขวนลอยไหลไปจมตัวในน้ำนิ่งน้ำในลำคลองท่าปอมจึงใสไหลเย็นมองเห็นตัวปลาและพืชใต้น้ำได้อย่างชัดเจนเสน่ห์ของท่าปอมอีกอย่างหนึ่งคือรากไม้ให้ชวนมองอยู่ทั่วไปตามริมตลิ่งสองฝั่งคลองโดยรากของต้นไม้หลายประเภทจะปรับตัวด้วยการโผล่รากขึ้นมาหายใจส่วนใครที่อยากสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติแห่งป่าท่าปอมในความรู้สึกที่แตกต่างไปจากการเดินชมบนสะพานก็สามารถพายเรือแคนูชมความงามของคลองสองน้ำและ ป่าท่าปอมได้


ในอดีตย้อนไปเมื่อ130กว่าปีที่ผ่านมาป่าท่าปอมนับเป็นดินแดนอาถรรพ์น่ากลัวที่ไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไป แต่เมื่อ"โต๊ะปอม" "โต๊ะหมัน" และ "นายกาแมะ"ผู้เก่งกล้าในวิชาอาคมได้มาบุกเบิกและอาศัยอยู่ที่ผืนป่าท่าปอมซึ่งชาวบ้านที่อาศัยรุ่นต่อๆมาต่างก็เล่ากันว่ามักจะพบจระเข้ขาวปรากฏตัวอยู่เสมอในแอ่งน้ำของป่าท่าปอมพวกเขาเชื่อกันว่าจระเข้ขาวคือเจ้าที่ผู้มาปกปักรักษาป่าผืนนี้ให้คงความอุดมสมบูรณ์สมัยก่อนชาวบ้านจะไม่ลงเล่นน้ำในวันเสาร์และอังคารเด็ดขาดเนื่องจากเชื่อว่าจะทำให้เกิดอาเพศต่างๆส่วนชาวชุมชนได้อาศัยสายน้ำเป็นเส้นทางออกหาปูปลาในทะเลนับจากอดีตเรื่อยมาถึงปัจจุบันโดยส่วนใหญ่ก็จะกลับเข้าฝั่งมาด้วยปูปลาที่เต็มลำซึ่งแสดงให้เห็นว่าท้องน้ำในแถบนั้นยังคงความอุดมสมบูรณ์อยู่มากหลังจากที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ยกให้ป่าท่าปอมเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ก็ทำให้มีคนแวะเวียนมาเที่ยวป่าท่าปอมกันไม่ได้ขาดท่าปอมคลองสองน้ำสามารถเที่ยวชมคลองสองน้ำได้ตลอดทั้งปีควรเที่ยวชมในเวลาที่น้ำลงน้ำจะสวยใสมากยามที่สายน้ำจืดที่แจ๋วแหววต้องแสงแดดจะส่องประกายระยิบระยับราวแก้วผลึกเป็นช่วงที่เหมาะกับการเดินชมท่าปอมมากที่สุดโดยบางช่วงใต้ท้องน้ำจะงดงามด้วยสีเขียวสดจากพืชใต้น้ำที่มองเห็นได้อย่างถนัดตาส่วนบางช่วงก็ดูเพลินตาด้วยฝูงปลาที่แหวกว่ายทวนสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆโดยความงามของทั้งสายน้ำจืดและสายน้ำกร่อยนั้นสามารถเดินชมความงามได้ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ทาง อบต.เขาครามสร้างขึ้นเป็นวงรอบ ในระยะ ทาง 700 เมตรซึ่งนอกจากคลองสองน้ำแล้ว ป่าท่าปอมก็ยังมีป่าธรรมชาติถึง 3 ป่า ให้เลือกชมในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติโดยไม่ต้องเดินลุยเข้ารกเข้าป่าแต่ประการใดสำหรับป่าชนิดไหนมีลักษณะอย่างไรว่าหากมาเดินในเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ป่าท่าปอมสังเกตไม่ยากเนื่องจากป่าแต่ละประเภทต่างก็มีลักษณะเด่นแตกต่างกันออกไปโดยป่าชายเลนจะเห็นเป็นจุดแรกตั้งแต่ก่อนเข้าสู่เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติซึ่งจะเห็นรากของต้นโกงกางที่เป็นดังพระเอกของป่าชายเลนขึ้นโชว์รากระโยงรยางอยู่ทั่วไปเมื่อเดินไปทางขวาบนสะพานประมาณ 20 เมตร ก็จะได้เห็น ป่าพรุน้ำจืดที่เป็นป่าหาดูได้ยากโดยป่าพรุท่าปอมมีลักษณะต่างจากป่าพรุทั่วไปคือเป็นป่าพรุบนดอนที่น้ำไม่ท่วมขังเหมือนป่าพรุอื่นๆแต่ว่าใครอย่าเผลอลงไปเดินในป่าพรุเข้าให้หละเพราะดินแฉะๆที่ดูไม่น่าลึกไหร่แต่ว่าหากลงไปเดินก็จะจมไปครึ่ง ค่อนตัวทีเดียว ซึ่ง ทางที่ดีควรเดินชมเสน่ห์จะไม่มีของป่าพรุบนสะพานดีที่สุด สำหรับพืชพันธุ์ที่เด่น แห่งป่าพรุท่าปอมก็คง อะไรเกิน ตังหนใบเล็ก (วงศ์ GUTTIFERAE) ไม้ยืนต้นขนาดกลางที่มีรากรูปร่างพิลึก คือเป็นรากที่ดูคล้ายหัวเขาที่งอพับโผล่พ้นพื้นดินขึ้น มาประมาณ 20 ซ.ม.ดู แปลกตาน่ามองจากป่าพรุเมื่อเดินผ่านบรรยากาศอันชวนมองก็จะเข้าสู่บรรยากาศของ ป่าดิบชื้น ที่ลักษณะ ของป่านี้ก็สังเกตไม่ยาก เพราะ 2 ป่าที่ผ่านมาจะเป็นป่าที่ส่วนมากเป็นต้นไม้เล็กๆและเป็นป่าโปร่งแต่ว่าพอเข้าเขตป่าดิบชื้นจะสัมผัสได้ถึงต้นไม้อันร่มครึ้มที่เต็มไปด้วยไม้ยืนต้นขนาดใหญ่นอกจากนี้ที่ป่าท่าปอมยังมีแก่งหินที่สีเหลืองคล้ายมัสตาร์ดที่เป็นความมหัศจรรย์ธรรมชาติอย่างหนึ่งโดยแก่งหินเหลืองนี้เกิดจากหินดินดานทำปฏิกิริยากับอากาศจนเกิดเป็นโขดหินสีเหลืองทั่วไปในลำน้ำเรียกได้ว่าในผืนป่าท่าปอมนี่มีธรรมชาติที่ชวนให้อัศจรรย์ใจอยู่มากหลายซึ่งคิดว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผืนป่าท่าปอมคงความมหัศจรรย์มาถึงทุกวันนี้ก็เพราะเรื่องราวตำนานอาถรรพ์ของผืนป่าแห่งนี้


CR. ZiMPle

0 ความคิดเห็น: